[รีวิวเกม] Valiant Hearts: Coming Home

Valiant Hearts: Coming Home เกมมือถือภาคต่อของ The Great War ที่คว้ารางวัลมาแล้วมากมายเพิ่งเปิดตัว ครั้งนี้ Netflix ผนึกกำลังกับ Ubisoft เพื่อนำเสนอเรื่องราวที่น่าประทับใจและนำเสน่ห์ของเกมภาคแรกมาสร้างเป็นภาคต่อที่เข้มข้น อารมณ์ ดำเนินเรื่องราวต่อด้วยเกมเพลย์แนวสำรวจไขปริศนาที่เกมเมอร์ทุกระดับสามารถเล่นได้ นี่เป็นอีกเกมที่น่าสนใจจาก Netflix

สานต่อเรื่องราวจากภาคแรก Valiant Hearts

Valiant Hearts สำหรับเนื้อเรื่องนั้นต่อเนื่องจากภาคแรกคือในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งในภาคนี้จะดำเนินต่อไปจนถึงช่วงสิ้นสุดของสงคราม ตัวเกมจะยังคงสวมบทบาทเป็นตัวละครเดิมจากภาคแรก และดำเนินต่อไปหลังจากการต่อสู้อันดุเดือดของสงคราม ในปีสุดท้ายก่อนสิ้นสุดสงคราม สหรัฐอเมริกาตัดสินใจประกาศสงครามกับเยอรมนี และกองทัพสหรัฐจึงได้คัดเลือกอาสาสมัครไปทำสงคราม หนึ่งในนั้นคือ Harlem Hellfighters หน่วยรบทหารราบแอฟริกันอเมริกันหน่วยแรก และหนึ่งในตัวละครหลักประจำคือเจมส์ น้องชายของเฟรดดีจากภาพยนตร์เรื่องแรก เขาตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพด้วยความหวังที่จะต่อสู้และยุติสงคราม อนึ่งจะไปรบกับพระเชษฐา. ประจำการอยู่แถวหน้า

เนื้อหาจะเล่าเรื่องตามจุดพีคของประวัติศาสตร์ สอดแทรกด้วยเรื่องราวที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงและอารมณ์ร่วม เต็มไปด้วยมิตรภาพ ความเจ็บปวด ความโศกเศร้า และอารมณ์ของสงคราม เราจะพบกับปัญหาการเหยียดเชื้อชาติภายในกองทัพ ชีวิตแย่กว่าทหารผิวขาวทั่วไป และการถูกเลือกปฏิบัติ พบกับมิตรภาพที่ทลายกำแพงชาติพันธุ์และความขัดแย้ง มันทำให้เกิดคำถามว่าต่อสู้เพื่อใครกันแน่? พบกับความสูญเสียที่เกินจะหยุดยั้ง พบกับความเสียสละโดยไม่หวังคำสรรเสริญ ทุกสิ่งที่เกิดในสงครามล้วนถูกมองผ่านสายตาของทหารนิรนามธรรมดาๆ ที่ได้แต่ดิ้นรน ยืนหยัด และหวังว่าสงครามครั้งนี้จะจบลงในที่สุด

งานภาพเป็นเอกลักษณ์

สำหรับภาพของเกมนี้ลายเส้นค่อนข้างมีเอกลักษณ์ ใครเห็นรูปก็รู้ว่านี่คือเกมแน่นอน ด้วยลายเส้นที่ค่อนข้างแข็งทื่อ หนักหน่วง และโทนสีทึมๆ สะท้อนถึงความรุนแรงและความยากลำบากของสงครามได้เป็นอย่างดี สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เล่น การแบ่งแยกสีผิวฉันทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ สามารถสะท้อนประเด็นการเลือกปฏิบัติต่อชาวแอฟริกัน-อเมริกันได้อย่างละมุนละม่อม ตัวละครไม่ได้ดูตลกหรือมองว่าเป็นเรื่องตลก แต่ยังหลงเหลือบริบทที่กัดกินสังคมในขณะนั้น ที่นี่ ทีมผู้ผลิตใส่ใจรายละเอียดดีมากไม่ผิดหวังเลย

เกมเพลย์ที่ทุกคนเล่นได้

ส่วนรูปแบบเกมจะเป็นแนวเกมเล่าเรื่องสลับกับเกมเพลย์สำรวจ เก็บของ ไขปริศนา อาจมีมินิเกมสอดแทรกในรูปแบบต่างๆ เช่น วิ่งหลบระเบิด กดโน้ตดนตรี ควบคุมเครื่องบิน ทำให้ตัวเกมมีเกมย่อยให้เล่นหลากหลาย และวิธีการเล่นบังคับก็ไม่ยาก แค่ลากนิ้วสะกิด กดค้าง ปัดขึ้น ลง ซ้าย ขวา อะไรทำนองนี้

เกมจะมีกล่องเก็บความทรงจำ เช่น เหตุการณ์จริงพร้อมภาพถ่ายจริงของสงคราม หากเราเล่นเรื่องราวผ่านเหตุการณ์นั้น ๆ มีสิ่งของในฉากให้เดินค้นหา สะสม และซึมซับเรื่องราว หลายตัวละครในเรื่องมีปฏิสัมพันธ์ที่ทำได้และไม่ได้ แสดงให้เห็นแง่มุมของฝ่ายสัมพันธมิตรทั้งฝ่ายเจมส์และฝ่ายมหาอำนาจกลาง (เยอรมนี) อย่างเอิร์นส์ ทำให้เราได้มุมมองของทหารธรรมดาๆ ที่มีความคิด ความรู้สึก และมีเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลก ทำให้ขณะเล่น นอกจากนั้น เราจะได้เห็นความรุนแรงของสงคราม เรายังได้เห็นความอ่อนโยนและความเป็นมนุษย์ที่เติบโตขึ้นท่ามกลางไฟแห่งสงคราม นี่จึงค่อนข้างจะเริ่มต้น สะเทือนอารมณ์และรู้สึกว่าทุกตอนทุกตอนผ่านไปอย่างมีคุณค่าไม่สูญเปล่า

สอดแทรกแง่มุมทางสังคมและวัฒนธรรม

ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้สำหรับเนื้อหาของเกม และก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ผู้เขียนคิดว่าควรให้ความสำคัญ ทำให้เกมแทรกสิ่งนี้อยู่บ่อยครั้ง นั่นคือ ดนตรี ท่ามกลางความโหดร้ายของสงครามและการกดขี่ในกองทัพ สิ่งที่ยกใจผู้คน และอาจแข็งแกร่งพอที่จะทลายกำแพงแห่งความขัดแย้งทั้งหมดได้ก็คือดนตรี เราจะพบว่าตัวเอกของเรามีความชื่นชอบในเสียงดนตรี เริ่มกันที่เจมส์ใช้เวลาอันน่าเบื่อหน่ายในชั้นล่างสุดของเรือ (มีไว้สำหรับทหารแอฟริกันอเมริกัน) กับเพื่อนร่วมเชื้อชาติของพวกเขาคือการจัดตั้งวงดนตรี เราจึงเห็นวัฒนธรรมแจ๊สแบบแอฟริกัน-อเมริกัน เจมส์ชอบเล่นคลาริเน็ตด้วยตัวเขาเอง และเป็นเหมือนสิ่งสำคัญที่เขาพกติดตัวตลอดเวลา

หรือแม้แต่เอิร์น ทหารเยอรมัน ที่ชอบเล่นเครื่องดนตรีเช่นกัน ทั้งสองค้นพบความสนใจร่วมกันและกลายเป็นเพื่อนกัน แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะมาจากประเทศที่อยู่คนละฟากของสงครามก็ตาม และมิตรภาพอันแน่นแฟ้นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ที่อยู่เหนือบทบาท เราสามารถเห็นทางเลือกที่จะเมตตาแทนการเชื่อฟังคำสั่งเพื่อคงอยู่ในกองทัพของตัวละครในเรื่อง เช่นเดียวกับชัยชนะในสงครามที่แท้จริงคือชัยชนะของมนุษยชาติเหนือความขัดแย้ง

เล่นได้เลย ไม่ต้องเล่นภาคแรกก็ได้

ถึงตรงนี้หลายคนอาจจะอยากรู้แล้ว ว่าถ้าไม่เล่นภาคแรกจะเล่นภาคนี้ไหม? บอกเลยว่าเล่นได้แน่นอน เนื่องจากเนื้อหาอ้างอิงจากบริบททางประวัติศาสตร์ อาจมีตัวละครจากภาคแรก แต่ภาคสองจะดำเนินเรื่องด้วยตัวละครใหม่เป็นหลัก เนื้อหาเกมนี้จึงยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตัวมันเองอย่างไม่ต้องสงสัย รูปแบบการเล่นค่อนข้างเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน ผสมกับการเล่าเนื้อหาอย่างตรงไปตรงมา. กลายเป็นข้อดีอย่างคาดไม่ถึง เกมนี้สามารถรองรับผู้เล่นได้แทบทุกกลุ่ม สามารถดื่มด่ำกับเนื้อหาในภาคนี้ได้อย่างไม่มีสะดุด

สรุปแล้ว

มันเป็นเกมที่เน้นเนื้อเรื่องที่เข้มข้น สะเทือนอารมณ์ ตัวละครมีเอกลักษณ์ สะท้อนแง่มุมของมนุษย์ท่ามกลางสงคราม ภาพลายเส้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เกมเพลย์แนวสำรวจ ไขปริศนา เข้าใจง่ายLandmark เป็นเกมบันทึกอัตโนมัติ เซฟเองไม่ได้ ดังนั้นต้องเล่นทีละแถวให้จบตอนหรือจบบท เกมจึงจะเซฟ ผู้เล่นต้องมีเวลากับเกมพอสมควร ถัดไปเป็นคู่มือเกมในช่วงต้นที่น้อยลงเล็กน้อย ทำให้ผู้เล่นใหม่ต้องใช้เวลาลองผิดลองถูกเล็กน้อย

บทความแนะนำ

Zombie Hunter D-Day2

Hi-Fi Rush