Hi-Fi Rush สุดยอดเกมหน้าใหม่ ต้อนรับปี 2023

Hi-Fi Rush เกมใหม่สุดเซอร์ไพรส์จาก Bethesda และ Tango Gameworks (ผู้พัฒนา The Evil Inside และ Ghostwire: Tokyo) ได้เปิดตัวอย่างไม่คาดคิดในงาน Xbox Developer Direct ไม่มีการประกาศก่อนวางจำหน่ายเป็นปี ๆ ไม่เคยอวดความดิบใด ๆ ก่อนออกขาย แต่ก็ยังเรียกกระแสจากผู้เล่นได้ไม่แพ้เกมดัง ๆ เลย หลังเปิดตัวและวางจำหน่ายหลังประกาศ ‘แค่วันเดียว’

Hi-Fi Rush เป็นหนึ่งในเกมที่ผมเห็นครั้งแรกแล้วร้องว้าว ด้วยกราฟิกสไตล์ Pop Art Comic (สไตล์หนังสือการ์ตูนอเมริกันผสมกับศิลปะสไตล์ Pop Art) ผสมผสานกับรูปแบบเกม 3D ที่ไม่ค่อยได้เห็นในเกมปัจจุบัน ส่วนตัวคิดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากเพราะนอกจากจะสร้างเอกลักษณ์ให้คนจำตัวเกมได้แล้ว ความสวยงามที่ได้รับก็งดงามเช่นกัน

หลังจากเล่นจบบอกเลยว่าเป็นเกมเปิดตัวในปี 2023 ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ จนต้องยกให้เป็นเกมที่ 2 ที่ให้คะแนนเต็ม 10/10 ตั้งแต่ทำรีวิวเกมมา ซึ่งเป็นเหตุผลที่ผมประทับใจ Hi-Fi Rush มากๆ ต้องยกให้กับทุกองค์ประกอบของเกมนี้ มันสนุกและตื่นเต้นตั้งแต่ต้นจนจบ องค์ประกอบเหล่านี้คืออะไร? มาดูกันทีละส่วน

Hi-Fi Rush STORY

Hi-Fi Rush ผู้เล่นจะสวมบทบาทเป็น Chai ชายหนุ่มพิการที่มีความฝันอยากเป็น Rockstar ซึ่งได้เข้าร่วมในโครงการ Armstrong Project บริษัทผลิตชิ้นส่วนจักรกล ซึ่งเป็นโครงการทดลองปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้นำแวนดาเลย์

โดยเรื่องวุ่นๆ ของเกมนี้ มันเกิดขึ้นหลังจากที่ iPod ของ Chai เสียบเข้าที่หน้าอกของเขาก่อนที่เครื่องกราฟต์จะสูบเข้าไปในร่างกายของเขาได้ หลังจากการปลูกถ่ายอวัยวะเสร็จสิ้น Chai ได้หัวใจกลที่ขับเคลื่อนด้วย iPod พร้อมกับแขนหุ่นยนต์ใหม่ที่ทำให้เขามีพลังแม่เหล็ก สามารถดูดเศษโลหะรอบๆเพื่อสร้างกีตาร์ไฟฟ้าได้ แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องดี แต่มันก็ทำให้ชัยกลายเป็น ‘จุดบกพร่อง’ ของแวนดาเลย์ เพราะผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของบริษัท และแวนดาเลย์ต้องตามล่าชัย

โดยเป้าหมายหลักของเกมนี้ ผู้เล่นจะต้องพา Chai หนีออกจากเกาะ Vandalay แต่ระหว่างทางเขาได้พบกับ Peppermint เพื่อนใหม่และแมวของเธอ 808 ระหว่างทาง ดังนั้นเราต้องร่วมมือกับ Peppermint เพื่อหยุดโครงการลับที่น่ากลัวของบริษัท Vandalay ก่อน

โดยรวมแล้วโครงเรื่องนั้นเข้าใจง่าย จุดเด่นที่ทำให้เรื่องน่าติดตามและดูสนุก นอกจากการสร้าง Plot Diagram ตามหลักการเขียนเรื่องแล้ว ต้องยกให้กับสีสันที่ผู้เขียนสร้างบรรยากาศของเกมให้เต็มไปด้วยเสียงเพลงและลักษณะตัวละครที่เขียนออกมาให้ดูมีชีวิตชีวามีเอกลักษณ์ที่น่าจดจำอีกด้วย

เพราะจากที่เล่นมาไม่เคยมีช่วงไหนที่ทำให้รู้สึกเบื่อจนอยากพักจากเกมหรือต้องพักเพื่อทำความเข้าใจกับเนื้อเรื่องเลย มันให้ความรู้สึกเหมือนดูการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่แสนสนุกที่ฉันเคยดูตอนเด็กๆ ดูซ้ำได้ไม่มีเบื่อ (ถ้าเทียบกับ เรื่องที่ดูแล้วต้องบอกว่าเหมือน Ben 10 ภาคแรก เพราะมีโครงเรื่องของซุปเปอร์ฮีโร่กอบกู้โลกผสมความตลกเฮฮา แค่ไม่มีเอเลี่ยน)

GAMEPLAY

จุดสุดยอดของ Hi-Fi Rush ตัวเกมเป็นแนว hack and slash (เกมที่ผู้เล่นต้องเอาชนะศัตรูเพื่อไปยังด่านต่อไป คล้ายๆ กับ Devil May Cry หรือ Kingdom Hearts) แต่ Bethesda ก็เอาอยู่ ผสมกับ Rhythm Games หรือเกมดนตรีที่ผู้เล่นจะต้องกดปุ่มโน้ตให้ตรงกับจังหวะดนตรี

เห็นจะเป็นแนวคิดที่สร้างเอกลักษณ์ให้กับตัวเกมได้เจ๋งมากเพราะนอกจากจะทำให้เราสะใจจากการฟาดฟันศัตรูด้วยคอมโบต่างๆ ต่อเนื่อง ทำให้เข้ากับจังหวะของเพลงประกอบเพิ่มความสนุกเข้าไปอีก ได้มากเช่นกัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นการยกระดับเพลงประกอบของเกมให้มีบทบาทไม่น้อยไปกว่าองค์ประกอบอื่นๆ

เพลงประกอบของเกมมีบทบาทสำคัญมาก ดังที่เห็นได้ตั้งแต่เริ่มต้น ผู้เล่นสามารถเห็นได้ว่าทรัพย์สินทุกอย่างในด่าน รวมถึงของตกแต่ง จะซิงค์กับจังหวะของเพลงประกอบทั้งหมด นอกจากทรัพย์สินระดับแล้วยังรวมถึงจังหวะการต่อสู้ของเราด้วย

ในเกมนี้ ผู้เล่นไม่เพียงแต่จะสามารถกดปุ่มโจมตีซ้ำๆ ได้เท่านั้น แต่ยังสามารถกดปุ่มให้ทันจังหวะของเสียงเพลงได้อีกด้วย มันจะเพิ่มดาเมจจากการตีศัตรู, เพิ่มดาเมจจากคอมโบ, หลบหลีกการโจมตีของศัตรูได้ดีกว่าปกติหรือไม่? หรือพูดง่ายๆ ก็คือ มันเกือบจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นและน่าพึงพอใจมากขึ้น

เนื่องจากตัวเกมมีองค์ประกอบของ Rhythm Games ผสมอยู่ด้วย อีกส่วนที่ต้องพูดถึงคือ Quick Time Action ของเกม เพราะฉันคิดว่ามันเป็นแค่ปุ่มที่ต้องกดระหว่างคัตซีน ไม่เป็นไรที่จะพลาด แต่ใน Hi-Fi Rush ฉันสลัดความคิดนั้นทิ้งไป เพราะสามารถอัพเกรดได้สนุกและที่สำคัญ ในเกมนี้ไม่ใช่แค่ Quick Time Action ที่ใส่เข้ามาเพื่อตกแต่งให้ดูวุ่นวาย แต่มันยัดระบบ Rhythm Games เข้าไปเต็มๆ ซึ่งมันจะไม่โผล่มาให้ผู้เล่นตกใจแล้วต้องกดรัวๆ แต่จะมาเป็นเพลงให้ผู้เล่นกดโน้ตตามจังหวะดนตรีเหมือนเล่นเพลงเลย

โดยรวมแล้วฉันยอมรับว่ามันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างสองแนวเกมและมีความแปลกใหม่ไม่ซ้ำใครจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นเกมที่สร้างสรรค์สุดๆ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจาก The Game Awards ปี 2023 ด้านเกมเพลย์แหวกแนว ฉันเป็นคนหนึ่งที่จะสนับสนุนเกมนี้อย่างเต็มที่

PRESENTATION

นอกเหนือจากงานกราฟิกที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว รูปแบบภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของเกม การออกแบบตัวละครที่มีชีวิตชีวา + อารมณ์ขันที่มีสีสันทำให้เกมนี้น่าจดจำ และการเปิดตัวเกมโดยไม่บอกล่วงหน้าก็ใช้เวลาหลายปีในการสร้าง แพ้เกมที่มีชื่อเสียง
ส่วนที่ต้องพูดถึงคือ ‘จุดบกพร่อง’ หลายครั้งที่ฉันเล่นเกมจาก Bethesda ฉันพบข้อบกพร่องที่รบกวนจิตใจไม่น้อย แต่กับเกมนี้มันเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป เพราะฉันไม่พบข้อผิดพลาดใด ๆ ตั้งแต่ต้นเกมจนจบเกม ถือว่าใส่ใจ พัฒนาทีมแบบไม่ธรรมดา ถ้าเทียบกับบางเกมสมัยนี้นอกจากจะแพงแล้ว ยังมีบั๊กเยอะ บางเกมแทบเล่นไม่ได้ เหมือนทำไม่เสร็จวางขาย
อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่เป็นหัวใจของเกมนี้คือ ‘เพลงประกอบ’ ถ้าไม่มีภาคนี้บอกได้เลยว่าเกมนี้ไม่เกิดแน่นอน เพราะทุกอย่างในเกมนี้ทำงานด้วยจังหวะของดนตรีตลอดเวลา มีการใช้เพลงที่คุ้นเคยหลายเพลง และยังมีอีกหลายเพลงที่ Bethesda เขียนเอง (ยังไม่มีให้บริการบน YouTube แต่สามารถเล่นได้จากตู้เพลงในเกม) ธีม Rockstar ที่เป็นความฝันของฮีโร่ แต่ก็ยังมีแนวเพลงอื่นๆ ที่นำมารีมิกซ์ เช่น เพลงคลาสสิกของ Wolfgang 5th Symphony ที่ใช้เป็นธีมบอสของเกม

บทความแนะนำ